วันแม่ 12 สิงหาคม
นิยามคำว่า “แม่”
สตรีใด ไหนเล่า เท่าเธอนี้
เป็นผู้ที่ ลูกทุกคน บ่นรู้จัก
เป็นผู้ที่ มีพระคุณ การุณนัก
เป็นผู้ที่ สร้างความรัก สอนความดี
เป็นผู้ที่ คอยสั่งสอน เอาใจใส่
คอยห่วงใย เราทุกคน จนวันนี้
เปรียบแสงทอง สว่างล้ำ นำชีวี
เธอคนนี้ คือ “แม่” ของเราเอง
เป็นผู้ที่ ลูกทุกคน บ่นรู้จัก
เป็นผู้ที่ มีพระคุณ การุณนัก
เป็นผู้ที่ สร้างความรัก สอนความดี
เป็นผู้ที่ คอยสั่งสอน เอาใจใส่
คอยห่วงใย เราทุกคน จนวันนี้
เปรียบแสงทอง สว่างล้ำ นำชีวี
เธอคนนี้ คือ “แม่” ของเราเอง
มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก
กรุ่นกลิ่น "รัก" บริสุทธิ์ผุดผ่องใส
แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ
เป็นมาลัย "กราบแม่" พร้อมน้อมบูชา
กี่พระคุณจากใครอื่นนับหมื่นแสน
อาจทนแทนเปรยเปรียบเทียบคุณค่า
แต่พระคุณ"หนึ่งหยดน้ำนมมารดา"ทั้งสามภพจบหล้า...หาเทียมทัน
ลูกไม่อาจเอ่ยแสดงแถลงถ้อย
หรือเรียงร้อยพจนามาเสกสรรค์
เพื่อบรรยายพระคุณนี้ที่ "อนันต์"
จึงตั้งมั่น "กตัญญุตา" ตลอดไป
หนึ่งคำ "รัก" ลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย
ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้
แต่แม่จ๋า... "รักที่หนึ่ง" ของหัวใจ
มิใช่ใคร "ลูก รัก แม่" แน่นิรันดร์
กิจกรรมที่ทำกับแม่
ทำบุญตักบาตร
ทำบุญตักบาตรกับแม่ในวันแม่แห่งชาติ (ไม่จำเป็นต้องทำเฉพาะวันแม่เราสามารถทำได้ทุกวัน)
เมื่อเกิดมาบนโลกใบ
นี้จนเริ่มจำความได้จวบจนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ความทรงจำเก่าๆ
ที่ไม่เคยจะเลือนหายไป แม้กระทั่งปัจจุบันความรู้สึกนั้นยังคงหอมกรุ่นอยู่ในหัวใจ
เหมือนดอกมะลิที่บานตลอดเวลา ไม่มีวันที่จะเฉาหรือสูญสลายไปกับกาลเวลา
คล้ายน้ำชุ่มฉ่ำคลายร้อนเมื่อยามกระหาย
ความรู้สึกนั้นมันช่างเป็นอะไรที่พิเศษเกินคำบรรยาย
แต่น้ำใดเล่าจะหอมหวานชุ่มฉ่ำอบอุ่นในจิตใจได้เท่ากับน้ำนมที่กลั่นด้วยใจ
ของแม่ที่ลูกนี้ได้ดื่มกินจนเติบใหญ่
อ้อมกอดที่ถนุถนอมสายใยรักที่เชื่อมโยงระหว่างกันและกัน
บอกถึงความรักอันสูงสุดที่ใครจะได้รับ
จวบจนก้าวแรกแห่งชีวิตด้วยแรงแห่งน้ำนมอันบริสุทธิ์
สองเท้าเล็กๆก้าวย่างอย่างไม่มั่นใจล้มลุกคลุกคลานตลอดทางช่างยากลำบากยิ่ง นัก
ไม่นานสองมือที่อบอุ่นประคับประคองร่างกายที่บอบบางให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
แล้วก้าวสำคัญก็ผ่านพ้นไปด้วยดี เหนื่อยเหลือเกิน ยามหลับใหลน้ำนมที่ดื่มกิน
สองมือโบกพัดเอาความเย็นให้คลายร้อนตลอดเวลา ยอมอดหลับอดนอน
คอยปกป้องคุ้มครองไม่ให้โดนทำร้ายจากสิ่งใด
จนกระทั่งเด็กน้อยเติบใหญ่ซุกซนตลอดเวลา ผีเสื้อโบกโบยบินไปตามทุ่งหญ้า
ท้องนาอันกว้างใหญ่ หิ้งห้อยกลางคืนส่องแสงรำไร
สองปากพร่ำเตือนสอนสั่งให้ระวังอันตราย ยกกิ่งไม้เล็กๆคอยไล่ให้กลับบ้าน
หิวเหลือเกิน ข้าวร้อนๆ น้ำพริกหอมกรุ่น ฟักแฟงแตงกวาเต็มจานน่ากินจนอิ่มท้อง
แม่จ๋าเหนื่อยไหม หยาดเหงื่อที่ไหลตามหน้าพลันตกลงพื้น
แต่รอยยิ้มก็ยังไม่หายไปจากใบหน้าที่งดงามในสายตาของลูกคนนี้
กาลเวลาผ่านไปช่างรวดเร็วเหลือเกิน
จนวันนี้ดูเหมือนอะไรๆจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ร่างกายที่แข็งแรง
เนื้อหนังที่เปล่งปลั่ง เริ่มเหี่ยวย่น เริ่มอ่อนแรงลงไปทุกที
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่และไม่เคยเปลี่ยนแปลงได้เลย คือ ความห่วงใยที่มีให้ต่อกันเสมอ
เหมือนเป็นโซ่แห่งความผูกผันคล้องใจทั้งสองดวงไว้ให้เป็นดวงเดียว
ถึงเวลาแล้วหนอที่ลูกต้องออกไปเผชิญโลกภายนอกทำงานหาเลี้ยงตัวเอง คำบอกกล่าว
ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของลูกเสมอ
ลูกไม่เคยลืมคำที่พร่ำสอนสั่งที่แม่บอกไว้ เหนื่อยกายเหนื่อยใจเมื่อยล้าสักเพียงใด
ขอดูรูปของแม่ก็พอมีแรงสู้ต่อไปในวันข้างหน้า แม้อนาคตยังไม่รู้เป็นเช่นไร
ก้าวสำคัญและก้าวแรกที่แม่มอบให้นั้น จะคอยเป็นพลังให้ลูกก้าวต่อไปในอนาคต
หยดหนึ่งน้ำนมขาวบริสุทธิ์ที่แม่กลั่นออกมาจากใจที่อยู่ในเลือดของลูกมิเคย
เจือจางสูญสลายไปแต่อย่างใด แต่มันยังคงหมุนเวียนภายในร่างกายของลูกอยู่เสมอ
คอยเป็นสิ่งเตือนใจในพระคุณที่ล้นเหลือ
ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นยามที่ได้คิดถึงจนถึงทุกวันนี้
สุขสันต์...วันแม่
เลือดในอก กลั่นน้ำนม นับหมื่นหยด
ลูกจะทด แทนคุณแม่ ไม่หวั่นไหว
พระคุณนั้น ล้นท่วมฟ้า นภาไกล
ลูก คนนี้ มอบรักให้ ตอบแทนคุณ
--------------------------------------
--------------------------------------
แด่คุณแม่...ด้วยดวงใจ
จะสรรหา คำในมา บอกรักแม่
จะพร่ำบอก ว่าตระหนัก คุณยิ่งใหญ่
จะเอ่ยคำ ว่ารักแม่ สุดหัวใจ
จะฝากไว้ ว่าบูชา ค่าน้ำนม
ก็ไม่ได้ ครึ่งหัวใจ ที่แม่รัก
ก็ไม่หนัก เท่าบุญคุณ ที่สั่งสม
ก็ไม่แน่น สุดชีวา สุดอารมณ์
ก็ไม่คมเท่าวาจา แม่กล่อมนอน
จึงตั้งใน ดูแลแม่ ให้สุดดี
พาสร้างบุญ สร้างบารมี ดุจสิงขร
รัตนตรัย คือที่พึง ยามมัวยมรณ์
เก็บเสบียง เป็นทุนรอน ไว้เดินทาง
ใช่เพียงหวัง ตอบแทน แค่ชาตินี้
หวังให้แม่ ชีวิตดี ส่องสว่าง
ทุกชาติไป ได้มาพบ ทางสายกลาง
บุญนำทาง ให้แม่สุข จนสุดธรรม
--------------------------------------
กลิ่นความรักหอมนวลอวลไออุ่น
มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ
ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน
ประครองป้องผองภัยอันตราย
มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ
ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน
ประครองป้องผองภัยอันตราย
กี่สิบถ้อยร้อยคำรำพันพรอด
ที่ถ่ายทอด “คำรัก” หลากความหมาย
ที่ถ่ายทอด “คำรัก” หลากความหมาย
กี่เปรียบเปรยสรรหามาบรรยาย
ฤาเทียบสายใยรักจาก…มารดา
ฤาเทียบสายใยรักจาก…มารดา
ครั้งที่ลูกยังเป็นเด็ก เล็กเล็กอยู่
แม่คือ “ครู” สอนอ่านเขียนเรียนภาษา
ให้คำเตือน…เสมือนแสงแห่งปัญญา
ให้วิชาคือ “รู้คิด” ที่ติดตน
แม่คือ “ครู” สอนอ่านเขียนเรียนภาษา
ให้คำเตือน…เสมือนแสงแห่งปัญญา
ให้วิชาคือ “รู้คิด” ที่ติดตน
ยามลูกเหนื่อยอนาทรแสนอ่อนล้า
ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล
แล้วหันมองรอบกาย…คล้ายมืดมน
ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล
แล้วหันมองรอบกาย…คล้ายมืดมน
ยังพบคนหนึ่ง…คือแม่…คอยแลมอง
แม่จ๋า…แม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ
แม่…เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง
แม่…สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง
เกินยกย่องด้วยล้านคำ…พร่ำพรรณนา
แม่…เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง
แม่…สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง
เกินยกย่องด้วยล้านคำ…พร่ำพรรณนา
หอมกลิ่นความรักนวลอวลไออุ่น
ระลึกคุณ แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา
มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา
เป็นมาลาหอม “รัก” กราบจากใจ
ระลึกคุณ แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา
มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา
เป็นมาลาหอม “รัก” กราบจากใจ
--------------------------------------
ที่มา : http://www.bloggang.com
http://variety.siam55.com
http://poem.kapook.com/motherday.php
http://www.dmc.tv
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น